เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดสุรินทร์
ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงวันอาสาฬหบูชาและเทศกาลเข้าพรรษา
โดยมีการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมท้องถิ่นและศาสนาพุทธอย่างลงตัว
ช้างถือเป็นสัตว์ประจำชาติ อยู่คู่บ้านคู่เมืองไทยมาช้านาน ตั้งแต่การใช้งานแบกหาม การสู้รบสงคราม ทั้งยังเคยใช้เป็นสัญลักษณ์บนธงชาติ และได้รับเกียรติยศสูงสุดให้เป็นสัตว์คู่พระบารมีของพระมหากษัตริย์
แต่ความเข้าใจและการฝึกฝนช้างไทยให้มีทักษะโดดเด่นจนเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกขณะนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเพราะ ชาวกูย ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดสุรินทร์
ชาวกูยนั้นมีความผูกพันกับช้างมาแต่โบราณ
แต่เดิมชาวกูยเป็นชนกลุ่มน้อยที่มีทักษะในการจับช้างและฝึกฝนร่วมกับช้างเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ในสมัยอดีตพวกเขาก็ทำหน้าที่จัดเตรียมช้างเพื่อช่วยรบบนสงคราม และเมื่อสงครามจบสิ้นก็ฝึกฝนช้างเพื่อใช้ในการแสดงต่างๆ กลายเป็นทักษะที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ทั้งยังสร้างรายได้เลี้ยงชุมชนเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้
ประกอบกับชาวกูย และชาวสุรินทร์ นับถือพุทธศาสนาเป็นส่วนใหญ่ เพื่อสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามที่ผสมผสานระหว่างพุทธศาสนาและความผูกผันของคนกับช้าง จึงเกิดประเพณี แห่เทียนพรรษาและตักบาตรบนหลังช้าง ขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นประเพณีงานบุญแห่งแรกและแห่งเดียวในโลก ที่เราจะได้มีโอกาสได้ใส่บาตรบนหลังช้าง
งานประเพณีตักบาตรบนหลังช้างพระสงฆ์และสามเณรจะขึ้นไปนั่งบนหลังช้าง เพื่อให้พุทธศาสนิกชนทั้งได้ทำบุญใส่บาตร ข้าวสาร อาหารแห้ง ซึ่งนอกจากนักท่องเที่ยวจะได้ตื่นตาตื่นใจกับการได้ทำบุญแล้ว ยังได้บริจาคเงินทำบุญกับช้างซึ่งถือว่าเป็นสัตว์ใหญ่ และสัตว์มงคลคู่ประเทศไทย
ลักษณะของกิจกรรม
สถานที่จัดงาน บริเวณลานหน้าอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์
กิจกรรมหลัก ขบวนแห่เทียนพรรษาและขบวนช้าง
พิธีเจริญพุทธมนต์ การตักบาตรบนหลังช้าง โดยพระสงฆ์จะนั่งบนหลังช้าง และชาวบ้านจะใส่บาตรด้วยข้าวสารอาหารแห้ง
การแต่งกาย
พุทธศาสนิกชนที่ไปร่วมงาน จะนิยมแต่งกายด้วยชุดผ้าไหมหรือแต่งกายชุดผ้าพื้นเมืองของจังหวัดสุรินทร์ เพราะเชื่อว่าเป็นความเป็นสิริมงคลรับวันสำคัญทางพุทธศาสนา
โรงแรมในตัวเมืองจังหวัดสุรินทร์