ตำนานพันปีปราสาทศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ เป็นเรื่องเล่าท้องถิ่นที่มีเสน่ห์และสะท้อนให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ ศิลปวัฒนธรรม และความเชื่อของชาวบ้านในแถบอีสานตอนใต้ โดยเฉพาะบริเวณที่ตั้งของ "ปราสาทศีขรภูมิ" หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "ปราสาทระแงง" อันเป็นศาสนสถานขอมโบราณที่มีอายุเกือบพันปี
ปราสาทศีขรภูมิตั้งอยู่ที่ อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ เป็นปราสาทหินแบบขอม
ปราสาทศีขรภูมิ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 17 เนื่องในศาสนาพราหมณ์ลัทธิไศวนิกาย (บูชาพระศิวะเป็นใหญ่) ต่อมามีการบูรณะส่วนยอดของปราสาทหลังทิศตะวันตกเฉียงใต้ ในราวพุทธศตวรรษที่ 22 สมัยศิลปะล้านช้าง ดังมีจารึกอักษรธรรมปรากฏอยู่ ณ ปราสาทแห่งนี้ ลักษณะทางสถาปัตยกรรมภายในประกอบด้วยปราสาทก่ออิฐที่ไม่สอปูน จำนวน 5 ห้อง องค์กลางเป็นปรางค์ประธาน ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงเดียวกัน มีคูน้ำล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน และเว้นเป็นทางเข้าอยู่ทางทิศตะวันออก
เด่นที่สุดอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ คือ แผ่นศิลาทับหลังเหนือกรอบประตูปราสาทหลังประธาน สลักเป็นภาพพระศิวนาฏราชสิบกร ทรงฟ้อนรำอยู่เหนือเกียรติมุข ภายใต้วงโค้งของลายท่อนพวงมาลัยสลักเป็นภาพพระคเณศ พระพรหมสี่พักตร์ พระนารายณ์สี่กร และพระนางอุมา บริเวณเชิงเสาประดับผนังที่กรอบประตูด้านหน้าสลักเป็นรูปนางอัปสรถือดอกบัว และรูปทวารบาลยืนกุมกระบอง จากลักษณะลวดลายสลักปรากฏอยู่บนแผ่นศิลาทับหลังและเสาประดับผนังงานแกะสลักหินทรายที่งดงามที่สุดของปราสาทในภาคอีสาน
เล่าว่า ... ครั้งหนึ่งมี เจ้าเมืองผู้ยิ่งใหญ่ ปกครองแถบนี้ และมีธิดาผู้งามล้ำ เป็นที่เลื่องลือไปถึงใต้บาดาล พญานาคผู้ครองเมืองใต้บาดาลเกิดหลงใหลในความงามของนาง จึงจำแลงกายเป็นชายหนุ่มรูปงามขึ้นมาบนโลกมนุษย์ เขาเข้าร่วมการสร้างปราสาทกับช่างฝีมือมนุษย์ โดยตั้งเงื่อนไขว่า จะช่วยสร้างปราสาทให้เสร็จภายในคืนเดียว แลกกับการได้อภิเษกกับธิดา เจ้าเมืองตกลง แต่คิดอุบายเพื่อไม่ให้พญานาคสำเร็จตามสัญญา เมื่อพญานาคเกือบสร้างเสร็จ ชาวเมืองก็แกล้งตีฆ้อง กลอง และจุดไฟให้เห็นว่าใกล้รุ่ง
พญานาครู้ทันว่าโดนหลอก จึง หนีหายกลับไปยังเมืองบาดาล ทิ้งปราสาทไว้ไม่สมบูรณ์ อย่างที่เห็นในปัจจุบัน
ความเชื่อและความศักดิ์สิทธิ์ของปราสาทศีขรภูมิ
จังหวัดสุรินทร์
ปราสาทศีขรภูมิ นอกจากจะเป็นโบราณสถานสำคัญทางประวัติศาสตร์แล้ว ยังเป็น ศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน และแฝงด้วยความเชื่อทางศาสนาและพลังเร้นลับที่สืบทอดต่อกันมายาวนานหลายร้อยปี
พลังศักดิ์สิทธิ์จากเทพเจ้า
ปราสาทศีขรภูมิเคยเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู นิกายไศวนิกาย เพื่อบูชา พระศิวะ ชาวบ้านเชื่อว่าแม้เวลาจะผ่านไป แต่ ดวงจิตของเทพเจ้าที่ยังสถิตอยู่ ยังคงคุ้มครองพื้นที่แห่งนี้
เสียงลึกลับในยามค่ำคืน
ชาวบ้านบางคนเล่าว่า ในบางคืนที่เงียบสงัดอาจได้ยินเสียงคล้าย ฆ้อง กลอง หรือเสียงขับร้อง คล้ายเสียงจากพิธีกรรมโบราณ เชื่อว่าเป็นเสียงของเทพหรือวิญญาณที่สื่อสารกับโลกมนุษย์
วิญญาณผู้พิทักษ์
มีความเชื่อว่าภายในปราสาทมี วิญญาณของช่างฝีมือ หรือเหล่าเทวดา-นาค ผู้ร่วมสร้างปราสาทสถิตอยู่ หากใครมีจิตใจบริสุทธิ์และตั้งจิตอธิษฐานอย่างจริงใจ มักจะได้รับพร
แสงประหลาดเหนือปราสาท
มีบางคนเคยเห็นแสงลึกลับลอยอยู่เหนือยอดปราสาทในเวลากลางคืน เชื่อว่าเป็น ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ ที่สื่อถึงพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ยังคงอยู่
พิธีขอพรและบวงสรวง
ชาวบ้านมักจัดพิธีบูชาและเซ่นไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในปราสาท โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลหรืองานบุญ เช่น งานแสดงแสงเสียงปราสาทศีขรภูมิ ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อแสดงความเคารพและขอพรให้บ้านเมืองสงบสุข
เครื่องบูชา
ได้แก่ พานดอกไม้ธูปเทียน น้ำอบ ข้าวตอกดอกไม้ และบางครั้งมีการรำบวงสรวงโดยนางรำท้องถิ่น เพื่อแสดงความเคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์
โรงแรมในตัวเมืองสุรินทร์ รีสอร์ทสุรินทร์